การออกแบบและพัฒนาระบบ AI Agent ด้วย Role และ RAG
บทนำ
ในยุคที่เทคโนโลยี AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การออกแบบระบบ AI Agent ที่สามารถตอบคำถามและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับแนวคิดการออกแบบระบบ AI Agent โดยใช้ Role และ RAG (Retrieval-Augmented Generation) เพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างชาญฉลาดและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
1. Role: บทบาทของ AI Agent
Role คือบทบาทหรือหน้าที่ของ AI Agent ในการตอบคำถามหรือทำงานต่าง ๆ การกำหนด Role ให้ชัดเจนช่วยให้ระบบตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าจะตอบคำถามอย่างไร หรือควรใช้ฟังก์ชันใด
ตัวอย่าง Role
- ผู้ช่วยทั่วไป: ตอบคำถามทั่วไป เช่น การทักทายหรือคำถามพื้นฐาน
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย: ตอบคำถามเกี่ยวกับยอดขายหรือรายงาน
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต: ตอบคำถามเกี่ยวกับวัตถุดิบหรือต้นทุนการผลิต
- ผู้ดูแลลูกค้า: จัดการปัญหาหรือคำร้องเรียนจากลูกค้า
วิธีการใช้งาน Role
- ใช้เงื่อนไข (Condition) เพื่อตรวจสอบประเภทของคำถาม
- กำหนด Role ที่เหมาะสมให้กับคำถามแต่ละประเภท
- เรียกใช้ฟังก์ชันเฉพาะทางตาม Role ที่กำหนด
2. RAG: การค้นหาและสร้างคำตอบ
RAG (Retrieval-Augmented Generation) เป็นเทคนิคที่ผสมผสานระหว่างการค้นหาข้อมูล (Retrieval) และการสร้างข้อความ (Generation) เพื่อให้ระบบสามารถตอบคำถามได้อย่างแม่นยำและเป็นประโยชน์
ขั้นตอนการทำงานของ RAG
- ค้นหาข้อมูล: ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากแหล่งข้อมูล (เช่น ฐานข้อมูลหรือเอกสาร)
- สร้างคำตอบ: นำข้อมูลที่ค้นหาได้มาสร้างเป็นคำตอบที่เหมาะสม
ตัวอย่างการใช้งาน RAG
- บริการลูกค้า: ใช้ RAG เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาลูกค้าและสร้างคำตอบที่เหมาะสม
- รายงานยอดขาย: ใช้ RAG เพื่อดึงข้อมูลยอดขายและสร้างรายงาน
3. การออกแบบระบบ AI Agent
การออกแบบระบบ AI Agent ที่ดีควรมีองค์ประกอบดังนี้:
3.1 การแบ่งส่วนการทำงาน
- แยกการทำงานออกเป็นส่วน ๆ เช่น การตอบคำถามทั่วไป การจัดการปัญหาลูกค้า การคำนวณต้นทุนการผลิต
- ใช้ Role เพื่อกำหนดหน้าที่ของแต่ละส่วน
3.2 การใช้งาน RAG เฉพาะส่วน
- ใช้ RAG เฉพาะส่วนที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น บริการลูกค้า
- สร้างไฟล์ Markdown เพื่อเก็บข้อมูลเฉพาะทาง (เช่น service_rag.md)
3.3 การโหลดข้อมูลจากไฟล์
อ่านข้อมูลจากไฟล์ Markdown เพื่อให้ระบบสามารถปรับปรุงข้อมูลได้โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ด
# ข้อมูลบริการลูกค้า (Service RAG)
## 1. สินค้าไม่ตรงตามสั่ง
- **คำถามที่เกี่ยวข้อง**:
- สินค้าไม่ตรงตามสั่ง
- ได้รับสินค้าผิด
- **คำตอบ**: เราขออภัยในความไม่สะดวก กรุณาติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อจัดส่งสินค้าใหม่
## 2. สินค้าชำรุด
- **คำถามที่เกี่ยวข้อง**:
- สินค้าชำรุด
- สินค้าเสียหาย
- **คำตอบ**: เราจะส่งทีมงานไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด
## 3. บริการล่าช้า
- **คำถามที่เกี่ยวข้อง**:
- บริการล่าช้า
- ส่งของช้า
- **คำตอบ**: เราขออภัยในความล่าช้า และจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
## 4. อื่น ๆ
- **คำถามที่เกี่ยวข้อง**:
- ปัญหาอื่น ๆ
- **คำตอบ**: ขอบคุณสำหรับการแจ้งปัญหา เราจะดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
Python Code :
from qwen_agent import Agent
import re
class MyAgent(Agent):
def __init__(self, api_key, role_file):
super().__init__(api_key=api_key)
self.role = "ผู้ช่วยทั่วไป" # กำหนด Role เริ่มต้น
self.roles = self.load_roles(role_file) # โหลด Role จากไฟล์
def _run(self, *args, **kwargs):
return "Running the agent"
def load_roles(self, role_file):
# อ่าน Role จากไฟล์
with open(role_file, "r", encoding="utf-8") as file:
roles = file.read()
return roles
def chat_with_functions(self, prompt, functions):
# กำหนด Role ตามประเภทคำถาม
self.determine_role(prompt)
# หากเป็นคำถามทั่วไป
if self.role == "ผู้ช่วยทั่วไป":
return self.handle_general_question(prompt)
# หากเป็นคำถามเฉพาะทาง
else:
return self.handle_specialized_question(prompt, functions)
def determine_role(self, prompt):
# ตรวจสอบและกำหนด Role ตามคำถาม
if re.search(r"(รายงานยอดขาย|ขอยอดขายทั้งหมด|ยอดขาย)", prompt):
self.role = "ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย"
elif re.search(r"(วัตถุดิบ|จำนวน)", prompt):
self.role = "ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต"
elif re.search(r"(ปัญหา|สินค้าชำรุด|บริการล่าช้า)", prompt):
self.role = "ผู้ดูแลลูกค้า"
else:
self.role = "ผู้ช่วยทั่วไป"
def handle_general_question(self, prompt):
# ตอบคำถามทั่วไป
if "สวัสดี" in prompt:
return "สวัสดีครับ! มีอะไรให้ช่วยเหลือไหมครับ?"
elif "สบายดีไหม" in prompt:
return "ฉันเป็น AI ครับ แต่ขอบคุณที่ถามนะครับ!"
else:
return "มีอะไรให้ช่วยเหลือไหมครับ?"
def handle_specialized_question(self, prompt, functions):
# ใช้ RAG เพื่อค้นหาข้อมูลและสร้างคำตอบ
if self.role == "ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย":
return self.retrieve_sales_data(prompt, functions[2])
elif self.role == "ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต":
return self.retrieve_production_data(prompt, functions[0], functions[1])
elif self.role == "ผู้ดูแลลูกค้า":
return self.handle_customer_service(prompt, functions[3])
def retrieve_sales_data(self, prompt, sales_function):
# ใช้ RAG เพื่อค้นหาข้อมูลยอดขาย
return sales_function()
def retrieve_production_data(self, prompt, inventory_function, cost_function):
# ใช้ RAG เพื่อค้นหาข้อมูลวัตถุดิบหรือต้นทุนการผลิต
if "จำนวน" in prompt:
item = re.search(r"(วัตถุดิบ A|วัตถุดิบ B|วัตถุดิบ C)", prompt)
if item:
return inventory_function(item.group())
else:
return "กรุณาระบุชื่อวัตถุดิบให้ถูกต้อง"
elif "ต้นทุนการผลิต" in prompt:
try:
units = int(prompt.split("ต้นทุนการผลิต")[1].strip())
return cost_function(units)
except ValueError:
return "กรุณาระบุจำนวนหน่วยให้ถูกต้อง"
def handle_customer_service(self, prompt, service_function):
# ใช้ RAG เพื่อจัดการปัญหาลูกค้า
issue = prompt.split("ปัญหา")[1].strip() if "ปัญหา" in prompt else prompt
return self.rag_customer_service(issue)
def rag_customer_service(self, issue):
# ตัวอย่างการใช้ RAG สำหรับบริการลูกค้า
# ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากแหล่งข้อมูล
knowledge_base = {
"สินค้าชำรุด": "เราจะส่งทีมงานไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด",
"บริการล่าช้า": "เราขออภัยในความล่าช้า และจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด",
"สินค้าไม่ตรงตามสั่ง": "เราขออภัยในความไม่สะดวก กรุณาติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อจัดส่งสินค้าใหม่"
}
# ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
for keyword, response in knowledge_base.items():
if keyword in issue:
return response
# หากไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
return f"ขอบคุณสำหรับการแจ้งปัญหา '{issue}' เราจะดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด"
# ตั้งค่า API Key
api_key = 'Api Key' # กรุณาแทนค่าด้วย API Key ของคุณ
role_file = 'role.md' # ไฟล์บทบาท (Role)
agent = MyAgent(api_key=api_key, role_file=role_file)
# ฟังก์ชันสำหรับการซื้อ (Procurement)
def check_inventory(item):
inventory = {
"วัตถุดิบ A": 100,
"วัตถุดิบ B": 50,
"วัตถุดิบ C": 200
}
return f"จำนวน {item} ในคลัง: {inventory.get(item, 0)} หน่วย"
# ฟังก์ชันสำหรับการผลิต (Production)
def calculate_production_cost(units):
cost_per_unit = 50 # ต้นทุนต่อหน่วย
total_cost = units * cost_per_unit
return f"ต้นทุนการผลิตสำหรับ {units} หน่วย: {total_cost} บาท"
# ฟังก์ชันสำหรับการขาย (Sales)
def get_sales_report():
sales_data = {
"มกราคม": 50000,
"กุมภาพันธ์": 60000, # แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
"มีนาคม": 70000
}
return f"รายงานยอดขาย: {sales_data}"
# ฟังก์ชันสำหรับการบริการ (Service)
def handle_customer_service(issue):
# ตัวอย่างการแก้ไขปัญหาลูกค้า
if "สินค้าไม่ตรงตามสั่ง" in issue:
return "เราขออภัยในความไม่สะดวก กรุณาติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อจัดส่งสินค้าใหม่"
elif "สินค้าชำรุด" in issue:
return "เราจะส่งทีมงานไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด"
elif "บริการล่าช้า" in issue:
return "เราขออภัยในความล่าช้า และจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด"
else:
return f"ขอบคุณสำหรับการแจ้งปัญหา '{issue}' เราจะดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด"
# รวมฟังก์ชันทั้งหมดเข้าไว้ใน Agent
functions = [
check_inventory,
calculate_production_cost,
get_sales_report,
handle_customer_service
]
# ฟังก์ชันหลักสำหรับรับคำถามและตอบกลับ
def organization_system(prompt):
try:
response = agent.chat_with_functions(prompt, functions=functions)
return response
except Exception as e:
return f"เกิดข้อผิดพลาด: {e}"
# ทดสอบการทำงานของระบบ
if __name__ == "__main__":
while True:
print("\nโปรดพิมพ์คำถามของคุณ (พิมพ์ 'exit' เพื่อออกจากโปรแกรม):")
user_input = input("คำถาม: ")
if user_input.lower() == 'exit':
print("ขอบคุณที่ใช้งานระบบของเรา!")
break
# ส่งคำถามไปยังระบบ
result = organization_system(user_input)
print("คำตอบ:", result)
ตัวอย่างคำตอบ
โปรดพิมพ์คำถามของคุณ (พิมพ์ 'exit' เพื่อออกจากโปรแกรม):
คำถาม: สวัสดี
คำตอบ: สวัสดีครับ! มีอะไรให้ช่วยเหลือไหมครับ?
โปรดพิมพ์คำถามของคุณ (พิมพ์ 'exit' เพื่อออกจากโปรแกรม):
คำถาม: รายงานยอดขาย
คำตอบ: รายงานยอดขาย: {'มกราคม': 50000, 'กุมภาพันธ์': 60000, 'มีนาคม': 70000}
โปรดพิมพ์คำถามของคุณ (พิมพ์ 'exit' เพื่อออกจากโปรแกรม):
คำถาม: สินค้ามีปัญหา
คำตอบ: - เราขออภัยในความไม่สะดวก กรุณาติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อจัดส่งสินค้าใหม่
โปรดพิมพ์คำถามของคุณ (พิมพ์ 'exit' เพื่อออกจากโปรแกรม):
คำถาม:
ขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียดในการสร้างไฟล์ gCode ด้วย ArtCAM สำหรับ Candle CNC Control
บทความนี้จะแนะนำวิธีการสร้างไฟล์ gCode ด้วยโปรแกรม ArtCAM เพื่อใช้งานกับโปรแกรม Candle CNC Control สำหรับงานกัดชิ้นงาน 2 มิติ (2D) อย่างมีประสิทธิภาพ
📌 ขั้นตอนที่ 1: ออกแบบหรือ Import ไฟล์เข้า ArtCAM
- เปิดโปรแกรม ArtCAM
- สร้างไฟล์ใหม่ (New Model):
- กำหนดขนาดของชิ้นงาน (Width, Height) และหน่วยวัด (เช่น mm)
- ตั้งค่า Resolution (แนะนำอย่างต่ำ 1000 x 1000 pixels)
- คลิก OK เพื่อสร้างพื้นที่ทำงาน
- วาดรูปทรง 2D โดยใช้เครื่องมือ เช่น:
- วาดเส้น (Polyline หรือ Line Tool)
- วงกลม (Circle), สี่เหลี่ยม (Rectangle)
- หรือ Import Vector จากไฟล์ (.dxf, .ai, .svg เป็นต้น)
📌 ขั้นตอนที่ 2: ปรับแต่งชิ้นงานและ Vector
- จัดตำแหน่ง Vector ให้อยู่ภายในพื้นที่ทำงาน (Center in Model)
- ตรวจสอบและแก้ไข Vector ที่มีปัญหา:
- รวมเส้น (Join Vectors)
- ปรับเส้นที่ทับซ้อน (Node Editing)
- ตรวจสอบว่าไม่มีเส้นเปิด (Open Vector)
📌 ขั้นตอนที่ 3: กำหนด Toolpath (เส้นทางกัดงาน)
- ไปที่เมนู Toolpaths → เลือกประเภทที่เหมาะสม เช่น:
- Profile Toolpath (กัดตามเส้นโครงร่างภายนอก)
- Area Clearance (กัดเคลียร์พื้นที่)
- Engraving (กัดลายเส้นตื้นๆ)
- กำหนดค่า Toolpath อย่างละเอียด:
- Start Depth (ความลึกเริ่มต้น ส่วนมากกำหนดเป็น 0)
- Finish Depth (ความลึกที่ต้องการกัด เช่น 3 มม.)
- Machine Safe Z (ระยะปลอดภัย) (ตั้งอย่างน้อย 5 มม.)
- เลือกดอกกัด (Tool):
- ประเภทดอกกัด (Endmill, V-bit เป็นต้น)
- เส้นผ่านศูนย์กลาง (Diameter)
- ความเร็วรอบ (Spindle speed) เช่น 8000 RPM
- ความเร็วกัด (Feed Rate) เช่น 400 mm/min
- ความลึกในการกัดต่อรอบ (Stepdown) เช่น 0.5-1.0 mm
- คลิก Calculate เพื่อคำนวณเส้นทางกัดงาน
- ตรวจสอบเส้นทางกัดงานด้วยการคลิกที่ Preview Toolpaths
📌 ขั้นตอนที่ 4: สร้างไฟล์ gCode
- เมื่อแน่ใจแล้วว่าเส้นทางกัดถูกต้อง ให้คลิกที่เมนู Save Toolpath
- เลือก Post Processor ที่เหมาะกับเครื่อง CNC ของคุณ:
- สำหรับใช้งานกับ Candle CNC Control แนะนำให้เลือก "G-Code (mm)(.tap)" หรือ "Mach3 (mm)(.tap)"
- ไฟล์ที่ได้จะเป็น .tap หรือ .nc (Candle รองรับทั้งสอง)
- กำหนดชื่อไฟล์ และเลือกตำแหน่งที่ต้องการบันทึก
- คลิก Save เพื่อสร้างไฟล์ gCode
📌 ขั้นตอนที่ 5: ใช้งาน gCode ด้วย Candle CNC Control
- เปิดโปรแกรม Candle CNC Control
- คลิกที่ Open เพื่อเลือกไฟล์ gCode (.tap หรือ .nc) ที่บันทึกไว้
- ตรวจสอบเส้นทางกัด (Preview) ใน Candle อีกครั้ง
- กำหนดตำแหน่งจุด Home (X, Y, Z) ของชิ้นงาน:
- ใช้การ Jog เครื่องไปยังตำแหน่งจุดเริ่มต้นที่ต้องการ แล้วกด Set Zero ที่แต่ละแกน (X, Y, Z)
- ตรวจสอบความพร้อมของเครื่อง CNC และตำแหน่งของดอกกัด
- เมื่อพร้อมแล้ว คลิก Send เพื่อเริ่มกัดงานตามไฟล์ gCode ที่สร้างมา
✅ ข้อแนะนำเพิ่มเติม:
- ก่อนเริ่มกัดจริง ควรทดสอบด้วยการกัดอากาศ (กัดโดยไม่ติดตั้งวัสดุจริง) เพื่อเช็คเส้นทางกัด
- ตรวจสอบดอกกัดให้เหมาะสมกับวัสดุที่เลือก (ไม้, อะคริลิค, อลูมิเนียม)
- ตรวจสอบความเร็วรอบและความเร็วกัดให้เหมาะสม เพื่อป้องกันดอกหักหรือวัสดุไหม้
เมื่อทำตามขั้นตอนด้านบนอย่างละเอียด คุณจะสามารถใช้งาน ArtCAM เพื่อสร้าง gCode สำหรับโปรแกรม Candle CNC Control เพื่อกัดงาน 2 มิติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักสูตร: มอเตอร์คอนโทรลสำหรับงาน Motion Control
ระยะเวลา: 40-50 ชั่วโมง
กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางไฟฟ้ามาก่อน , ช่างเทคนิค , วิศวกร , และ ผู้ที่ต้องการนำ
ไปประยุกต์ใช้กับ CNC และ Robot
โครงสร้างหลักสูตร
Module 1: พื้นฐานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น (6-8 ชั่วโมง)
- ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไฟฟ้า
- กระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า ความต้านทาน กำลังไฟฟ้า
- วงจรไฟฟ้าพื้นฐาน
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น
- ความปลอดภัยในการทำงานกับไฟฟ้า
Module 2: มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ และการทำงานของมอเตอร์ (8-10 ชั่วโมง)
- DC Motor: Brushed และ Brushless
- AC Motor: Induction, Synchronous
- Stepper Motor
- AC Servo Motor
- Commutation ของมอเตอร์แต่ละประเภท
Module 3: การควบคุมมอเตอร์และวงจรขับมอเตอร์ (10-12 ชั่วโมง)
- หลักการทำงานของมอเตอร์ไดรฟ์
- PWM และการควบคุมทิศทาง
- การใช้ H-Bridge และ Inverter
- Microcontroller กับการควบคุมมอเตอร์
Module 4: ระบบ Motion Control และการใช้งานกับ CNC และ Robot (12-14 ชั่วโมง)
- Closed-loop vs Open-loop Control
- Encoder และ Feedback System
- การควบคุมมอเตอร์ใน CNC และ Robot
- Workshop: การเขียนโปรแกรมควบคุมมอเตอร์เบื้องต้น
Module 5: การออกแบบและสร้างระบบ Motion Control สำหรับงานจริง (6-8 ชั่วโมง)
- การเลือกมอเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน
- การออกแบบวงจรควบคุม
- Workshop: สร้างโปรเจค Motion Control ของตัวเอง
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
- เข้าใจพื้นฐานไฟฟ้าและการทำงานของมอเตอร์
- สามารถเลือกมอเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน Motion Control
- สามารถควบคุมมอเตอร์ด้วย Microcontroller หรือ PLC
- สามารถประยุกต์ใช้กับ CNC และ Robot
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน
- มอเตอร์แต่ละประเภท (DC, AC, Stepper, Servo)
- Microcontroller (Arduino, STM32, Raspberry Pi)
- อุปกรณ์วงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- Software สำหรับ Simulation และ Programming
สิ่งที่ควรเตรียม และ พื้นฐานความรู้ก่อนเริ่มใช้งาน ArtCAM และ Candle CNC Control
ก่อนจะเริ่มต้นทำตามขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้น คุณควรเตรียมตัวเบื้องต้นและมีความรู้พื้นฐานในหัวข้อดังต่อไปนี้ เพื่อให้สามารถใช้งาน ArtCAM และ Candle CNC Control ได้อย่างมีประสิทธิภาพ :
📌 1. สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่มทำงาน
🔹 อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์
- เครื่อง Mini CNC (เช่น NLT2020, BS3040, ฯลฯ)
- ดอกกัด (Cutting Tools) ที่เหมาะสมกับวัสดุที่ต้องการกัด:
- ดอกกัดหัวแบน (Endmill) สำหรับกัดงานทั่วไป
- ดอกกัดหัวแหลม (V-Bit) สำหรับการกัดเส้นหรือแกะสลักละเอียด
- วัสดุสำหรับกัด (เช่น ไม้, อะคริลิค, พลาสติก, อลูมิเนียม)
- คอมพิวเตอร์ (Windows) สำหรับติดตั้งและใช้งานโปรแกรม ArtCAM และ Candle CNC Control
- สายเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และเครื่อง CNC (USB Cable)
🔹 ซอฟต์แวร์ที่จำเป็น
- โปรแกรม ArtCAM - ใช้สำหรับออกแบบ Vector และ สร้างไฟล์ gCode
- โปรแกรม Candle CNC Control - ใช้สำหรับควบคุมเครื่อง CNC และสั่งรัน gCode
- ไฟล์ที่อาจต้องใช้เพิ่มเติม (เช่น แบบงาน, โลโก้ หรือ Vector ไฟล์ต่างๆ ในฟอร์แมต DXF, SVG, AI ฯลฯ)
📌 2. ความรู้พื้นฐานที่ควรศึกษาเบื้องต้น
🔸 พื้นฐานการใช้งานคอมพิวเตอร์
- การติดตั้งโปรแกรม การจัดการไฟล์ต่างๆ (ดาวน์โหลด, เปิด, บันทึกไฟล์)
- การเชื่อมต่อและตรวจสอบอุปกรณ์ USB กับคอมพิวเตอร์
🔸 พื้นฐานการออกแบบและแก้ไข Vector 2 มิติ
- การทำความเข้าใจเรื่อง Vector Graphics (ภาพที่ประกอบด้วยเส้น, จุด, และรูปร่างที่ชัดเจน)
- การวาด, แก้ไข Vector และการเตรียม Vector ให้พร้อมสำหรับการกัดงาน
- การนำเข้าและส่งออกไฟล์ (Import/Export)
🔸 พื้นฐานโปรแกรม ArtCAM
- การใช้งานเครื่องมือพื้นฐาน เช่น Line Tool, Rectangle, Circle, Polyline
- การจัดการขนาดและการวางตำแหน่งงานใน ArtCAM
- การตั้งค่าและสร้าง Toolpaths (เส้นทางกัดงาน)
- การเลือกและตั้งค่าดอกกัดให้เหมาะสมกับวัสดุ
🔸 ความรู้พื้นฐานเรื่องเครื่อง CNC และการกัดงาน
- เข้าใจการทำงานของเครื่อง CNC (แกน X, Y, Z)
- เข้าใจการกำหนดจุด Home หรือจุดตั้งต้น (Zero Position)
- การเลือกใช้ความเร็วรอบ (Spindle Speed) และความเร็วกัด (Feed Rate) ให้เหมาะสมกับวัสดุ
- ข้อควรระวังเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน CNC
🔸 การใช้งานโปรแกรม Candle CNC Control
- การเชื่อมต่อเครื่อง CNC กับคอมพิวเตอร์ผ่านโปรแกรม Candle
- การกำหนดจุด Zero และ Jogging เครื่อง CNC
- การเปิดไฟล์ gCode และตรวจสอบความถูกต้องก่อนเริ่มกัดจริง
📌 3. การเตรียมตัวเพิ่มเติม (แนะนำเพิ่มเติม)
- ศึกษาการใช้งานพื้นฐานของ CNC เบื้องต้นผ่านวิดีโอหรือบทความเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
- ศึกษาการดูแลรักษาและการเปลี่ยนดอกกัด (Tool Maintenance)
- ทดลองทำงานง่ายๆ ก่อนเพื่อฝึกการตั้งค่าและสร้างความมั่นใจก่อนทำงานที่ซับซ้อนขึ้น
📌 สรุป:
ก่อนที่จะศึกษาและปฏิบัติตามบทความที่ให้ไว้ด้านบน คุณควรมีความเข้าใจพื้นฐานในเรื่อง CNC, Vector Graphics, ArtCAM, Candle CNC Control, และวิธีใช้งานเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ดังที่กล่าวมานี้ก่อน เพื่อให้การทำงานราบรื่นและปลอดภัยมากที่สุดครับ
Welcome to CNC Training
Learn from Basics to Advanced
CNC Training Course
เรียนรู้ และ พัฒนาทักษะการใช้ CNC ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง
Module 1: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ CNC
เรียนรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ CNC ประเภท การใช้งาน ข้อดี ข้อเสีย และความปลอดภัย
- Week 1: บทนำเกี่ยวกับ CNC
- Week 2: ความปลอดภัยในการใช้งาน CNC
- Week 3: โครงสร้างและส่วนประกอบของเครื่อง CNC
- Week 4: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ G-code
Module 2: พื้นฐานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ทำความเข้าใจไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นสำหรับการสร้างและใช้งาน CNC
- Week 5: ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไฟฟ้า
- Week 6: พื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ CNC
- Week 7: CNC Controller: Arduino, GRBL, Mach3
Module 3: มอเตอร์สำหรับ CNC
เรียนรู้เกี่ยวกับมอเตอร์ประเภทต่างๆ และการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเครื่อง CNC
- Week 8: Stepping Motor
- Week 9: Servo Motor
- Week 10: มอเตอร์ชนิดอื่นๆ และการเลือกมอเตอร์
Module 4: การออกแบบและสร้างเครื่อง CNC
เรียนรู้กระบวนการออกแบบและประกอบเครื่อง CNC ตั้งแต่ต้นจนจบ
- Week 11: การเลือกและจัดหาวัสดุอุปกรณ์
- Week 12: การประกอบและทดสอบเครื่อง CNC
- Week 13: Limit Switch & Homing
Module 5: CAD/CAM สำหรับ CNC
เรียนรู้การออกแบบ CAD และการใช้ CAM เพื่อสร้างงาน CNC อย่างมืออาชีพ
- Week 14: พื้นฐานการออกแบบ CAD ด้วย FreeCAD
- Week 15: การใช้ CAM สำหรับ CNC
- Week 16: Advanced G-code และ เทคนิคการใช้ CAM
Module 6: การดูแล แก้ไขปัญหา และเทคโนโลยี
เรียนรู้วิธีการบำรุงรักษา แก้ไขปัญหา และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ CNC
- Week 17: การดูแลรักษาเครื่อง CNC
- Week 18: การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
- Week 19: การเชื่อมต่อเครื่อง CNC กับคอมพิวเตอร์
- Week 20: เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
ค่าใช้จ่าย : รายละเอียดการติดต่อ
ระยะการเรียน 1 ปี
- ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร 25,000 บาท
- การเรียน Online และ Offine
- Line ID : panmaneecnc
- Tel: 086-376-2072